ตลาดเก้าห้อง 100ปี สุพรรณบุรี
ปิดฉากตำนานตลาดเก่า...ที่่ถูกหลงลืม

LINE it!

     หลายคนที่ชอบเที่ยวตลาดเก่าที่ครั้งในอดีตเคยเป็นตลาดที่มีการค้าขายเจริญรุ่งเรืองมาก่อน แต่พอถึงวันนี้รูปแบบของตลาดได้เปลี่ยนไปกลายเป็นสถานที่เที่ยวของคนต่างถิ่น ซึ่งก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกับที่จังหวัดสุพรรณ และถ้าเอ่ยถึง...ตลาดสามชุก 100 ปี เชื่อว่าเกือบทุกคนต้องรู้จัก เพราะเวลานี้กลายตลาดยอดฮิตไปแล้ว แต่ขณะเดียวกัน ตลาดเก้าห้อง  ซึ่งอายุใกล้เคียงกัน ได้กลายเป็นตำนานที่หลงลืมไปแล้ว  


                                                 
     สำหรับตลาดเก้าห้อง  อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี  ซึ่งในอดีตเคยเป็นตลาดที่มีการค้าขายคึกคักไม่ต่างไปจากตลาดสามชุก และมีท่าเรือไว้สัญจรสำหรับเดินทางเข้ากรุงเทพฯ แต่มาวันนี้มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว เสียดายครับ...โดยก่อนหน้าที่จะไปเที่ยวผมได้หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นข้อมูลเก่า ๆ ที่ไม่อัพเดทแล้ว  



     และล่าสุดผมเพิ่งเดินทางไปเที่ยวช่วงเดือนพค.ของปี 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนที่จะไปได้คาดการณ์อยู่ในใจแล้วว่าน่าจะเป็นตลาดเก่าแก่ที่กำลังจะถูกลืม  และพอไปถึงก็รับรู้ได้ทันทีกับความเงียบเหงา เพราะเป็นวันเสาร์แต่กับไม่มีผู้คนเดินไปมาเหมือนตลาดอื่น ๆ สอบถามจากผู้คนแถวนั้นได้บอกว่าตลาดบ้านเก้าห้องแบ่งเป็น 3 ส่วน คือตลาดบน  ตลาดกลาง และตลาดล่าง ที่สมัยก่อนเป็นตลาดขึ้นชื่อในย่านนั้นและคนสุพรรณฯรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะบ้านเรือนแถวนั้นได้เปิดเป็นร้านค้าขายกันเต็มไปหมด  


                                                          สภาพตลาดกลางที่ทรุดโทรม

     จากนั้นผมจึงเดินเข้าไปสำรวจ เพราะไหน ๆ ก็มาแล้วให้มันรู้ไปว่าเป็นยังไง ซึ่งได้เข้าไปตรงบริเวณตลาดกลาง ที่นี่ยังมีร้านค้าขายหลงเหลืออยู่บ้าง และฝั่งขวาเป็นโรงสีข้าวเก่าแก่ ที่เลิกใช้งานมานานมากแล้ว จึงมีสภาพทรุดโทรมพุพังอย่างที่เห็นในภาพ  นี่ถ้าเกิดลมพายุพัดมามีหวังพังถล่มลงมา...เหลือแต่ซากแน่นอน 



      และเหตุผลที่สภาพของตลาดเก้าห้องต้องเป็นอย่างที่เห็นนี้ เพราะเท่าที่สอบถามจากคนแถวนั้นต่างบอกว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจากคนในพื้นที่ เพราะคนที่อยู่ในปัจจุบันจะเป็นคนเฒ่าคนแก่เสียส่วนใหญ่ ส่วนคนหนุ่มสาวจะไปทำงานในกรุงเทพฯกันหมด ทำให้คนที่หลงเหลืออยู่ที่นั้นไม่ต้องการความวุ่นวายและกลัวคนต่างถิ่นจะเข้ามาค้าขายจำจองพื้นที่ไปหมด  จึงทำให้ตลาดแห่งนี้ไม่สามารถจะพัฒนาให้เหมือนกับตลาดสามชุกได้  

     ต่อมาได้เดินมาที่ตลาดบน ซึ่งเป็นร้านค้าในแบบบ้านไม้สองชั้น ที่เมื่อก่อนคนที่ค้าขายอยู่ที่นี่จะต้องเสียค่าเช่าเป็นรายเดือน และในตลาดเดียวกันนี้ยังมีถึง 2 เจ้าของ แต่เวลานี้กลายเป็นบ้านร้างเสียส่วนใหญ่เพราะไม่มีคนมาค้าขายเหมือนในอดีตอีกแล้ว  ทั้ง ๆ ที่ในช่วงปี 2551 ยังดูรุ่งเรืองมีผู้คนมาเที่ยวกันอย่างหนาตา แต่หลังจากนั้นพอเจอน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 เป็นอันปิดฉากตลาดเก่าแก่ ที่เหลือเพียงตำนานแทบจะไม่มีใครเข้ามาเที่ยวที่นี่อีกเลย และถ้าจะมีก็คงหลงเข้าไปเที่ยวเช่นเดียวกับผม  แต่การหลงเข้าไปเที่ยวในครั้งนั้นกับคุ้มค่าเพราะทำให้ผมได้เปิดมุมมองที่ต่างไปจากเดิม
     


    และแม้ตลาดแห่งนี้จะเหลือร้านค้าอยู่ไม่กี่ร้าน เท่าที่เห็นมีร้านกาแฟโบราณชื่อ เฮียงเส็ง ซึ่งภายในร้านตกแต่งในสไตล์แบบจีนและมีของสะสมตั้งแต่รุ่นพ่อ แต่ตอนนี้มรดกตกทอดมาถึงรุ่นลูกชายที่ยังคงขายต่อไป ส่วนร้านตรงกันข้ามเป็นไก่ทอดยัดไส้ที่ขายในราคาชิ้นละ 20 บาท ผมเลยถือโอกาสลองชิมดูเป็นปีกไก่ที่ยัดไส้ด้วยหมูสับ บอกได้เลยอร่อยติดใจแบบกรอบนอกนุ่มใน ซึ่งพอได้พูดคุยกับแม่ค้าบอกว่าส่วนใหญ่จะขายคนแถว ๆ นั้น ส่วนนักท่องเที่ยวจะมีหลงเข้ามาปะปาย และจะขายดีหน่อยเฉพาะวันอาทิตย์   



      ต่อมาว่าจะซื้อของฝากกลับบ้าน ซึ่งเดินเลยมาไม่ไกลจะมีร้านขายขนมเปี๊ยะเก่าแก่ของตลาดแห่งนี้ชื่อ ร้านตั้งกุ้ยกี่  ที่ขายขนมเปี้ยะในราคาถูก แค่ราคาชิ้นละ 10 บาท แต่รับรองว่าชิ้นใหญ่น่าดูเท่าที่ผมเคยเห็นมา ซึ่งมีหลายไส้ทั้ง ไส้ฟัก ,ไส้ถั่วดำ ,ถั่วเหลือง และใส่ถั่ว-ฟัก โดยเจ้าของร้านบอกว่าจะขายปลีกหรือขายส่งก็ขายเท่ากันในราคา 10 บาท ว่าแล้วก็จัดการซื้อสัก 6 ชิ้นพร้อมกับแกะชิมเพื่อได้รู้ว่าอร่อยจริงหรือป่าว อย่างคนแถวนี้คุยว่าเป็นขนมเปี๊ยะโบราณที่ขายดีคนนิยมกินกันเยอะ เมื่อชิมแล้วไม่ผิดหวังรสชาดอร่อยถูกปากไส้เยอะหวานกำลังดี   



     แต่ถ้าอยากได้ขนมเปี๊ยะแบบชิ้นใหญ่ก็มีขายเช่นกัน ซึ่งมีหลายขนาดตั้งแต่ราคา 25 บาท หรือใหญ่ขี้นมาอีกหน่อยราคา 50 บาท แต่ถ้าชิ้นใหญ่สุดราคา 100 บาท โดยทั้ง 3 ขนาดจะใส่ไข่อยู่ในไส้ด้วย เอาเป็นว่าชิ้นใหญ่สุดแบ่งกันกินได้ทั้งครอบครัวได้อย่างสบาย  นอกจากนี้ก็ยังมีขนมอีกหลากหลายไม่ว่าจะเป็นขนมโก้อ่อน ,ขนมลูกเต๋า ,ถั่วตัดและขนมบัวหิมะ ที่ขายในราคา 10 บาทเช่นกัน 
 
    สำหรับขนมเปี๊ยะของที่นี่ผลิตขายทุกวัน เรียกว่าใหม่สดตลอด เพราะส่วนใหญ่จะเน้นขายส่งเข้าไปในเมืองมากกว่าที่จะขายหน้าร้าน เพราะเดี่ยวนี้ไม่มีคนมาเดินเที่ยวซื้อของเมื่อแต่ก่อน...จะมีคนมาเที่ยวบ้างก็เฉพาะช่วงวันเสาร์กับวันอาทิตย์เท่านั้น    


   
      ที่ตลาดบนแห่งนี้พอเดินออกมาจนสุดทางของตลาดจะมีร้านค้าโซ่ห่วยที่ยังคงขายของทั่วไป อาทิเช่น ขายกับข้าวทั้งของสดและของแห้ง และของใช้อื่น ๆและเมื่อเดินออกมาจากตลาดจะพบกับแม่น้ำที่ไหลผ่านด้านหลังของตลาด ซึ่งเดิมทีเคยเป็นเส้นทางคมนาคมที่คนสุพรรณบุรีจะใช้เดินทางเรือจากสุพรรณบุรีไปยังกรุงเทพฯ และที่บริเวณนี้ยังมีสะพานแขวนข้ามแม่น้ำที่สามารถเดินข้ามไปอีกฝั่ง ซี่งเป็นวัดแต่ไม่ได้สอบถามเลยไม่ทราบว่าวัดอะไร 



     และแถวนั้นยังมีที่นั่งริมน้ำตลอดแนวยาว ทำเป็นหลังคาบังเแดดให้นั่งชมวิวริมแม่น้ำได้อย่างสบายอารมณ์ เช่นเดียวกับที่่ตลาดสามชุก ที่ทำออกมาแบบเดียวกัน แต่ทำไมกับไม่มีเก้าอี้ให้นั่ง ทั้ง ๆ ที่ตลาดสามชุกมีผู้คนไปเที่ยวมากมาย แทนที่จะจัดเก้าอี้ให้นั่งแบบตลาดเก้าห้อง ที่จัดวางเป็นแนวยาวตลอดริมแม่น้ำ  อย่างที่เห็นในภาพนี้...



     และหลายคนที่เคยไปตลาดสามชุกน่าจะทราบดี เพราะเจอมากับตัวเองหลังจากที่ซื้อขนมมาก็เดินมาท้ายตลาดเพื่อหวังจะมานั่งกินขนมให้อร่อยพร้อมกับชมวิวริมแม่น้ำไปด้วย แต่กับไม่มีเก้าอี้นั่งสักตัว ขณะเดียวกันที่ตลาดเก้าห้องมันเป็นตลาดร้างไปแล้ว...แต่กับมีเก้าอี้ให้นั่งเต็มไปหมด ไม่รู้จะเก็บเอาไว้ทำไม และเวลานี้ไม่จำเป็นจะต้องมี เพราะไม่มีใครมานั่ง


   
    มาถึงตรงนี้เป็นตลาดล่างที่ดูจะคึกคักมากกว่าตลาดบนและตลาดกลาง เพราะมีร้านขายของอยู่หลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านขายเสื้อผ้า และรองเท้า และ ร้านขายของจิปาถะ อาทิเช่น หม้อ กระติกน้ำ  ซึ่งผู้คนแถวละแวกนั้นยังคงมาจับจ่ายใช้สอยอยู่เป็นประจำ ไม่ต่างจากตลาดทั่วไป แต่สิ่งที่ผมเห็นกับมองต่างมุม เพราะเราเป็นคนต่างถิ่นกับทำให้ได้รับรู้ถึงกลิ่นอายของตลาดเก่าที่ยังหลงเหลือให้เห็นอยู่บ้าง  



      จากนั้นได้แวะไปที่ร้าน @ สุพรรณ  ซึ่งเป็นร้านขายเสื้อผ้าและของประดับต่าง ๆ ที่ดูดีที่สุดในละแวกนั้น และเป็นร้านที่มีการตกแต่งได้คลาสสิคเข้ากับสินค้าที่นำมาขาย แต่เพิ่งมาเปิดขายได้ไม่นานประมาณปีกว่า ๆเท่านั้น  ซึ่งก็แปลกใจเหมือนกันว่ามาเปิดขายทำไม ทั้ง ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนมาเที่ยวตลาดเท่าไหร่ แต่พอพูดคุยกับเจ้าของร้านได้บอกว่าจะมาเปิดร้านขายเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น ส่วนวันธรรมดาก็ทำงานตามปกติ และที่มาขายของที่นี่เพราะทำด้วยใจรัก จึงไม่ได้หวังผลกำไรอะไรสักเท่าไหร่ 



     สำหรับสินค้าที่นำมาขายในร้าน @ สุพรรณนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเสื้อผ้ากับเครื่องประดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เสื้อยึด ,ผ้าพันคอ , หมวก กับกระเป๋าที่จัดเป็นชั้นวางอย่างดี และเครื่องประดับที่มีให้เลือกมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเงินทั้งกำไร สร้อยข้อมือ และแหวน แบ่งเป็นตู้ ๆ ให้เลือกกันได้อย่างที่ชอบ ที่สำคัญยังมีตู้พระเครื่องที่มีอยู่เต็มตู้ให้ได้เช่าเช่นกัน ซึ่งเจ้าของเป็นนักสะสมพระเครื่องตัวยง ใช้เวลาในการสะสมพระเครื่องต่าง ๆ มาเป็นเวลานับสิบปี จึงมีความชำนาญในการดูพระเครื่องว่าแท้หรือไม่แท้

    และที่เห็นพระเครื่องอยู่ในตู้นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งยังมีเก็บไว้ที่บ้านอีกมากมาย ซึ่งผมเองส่วนตัวก็เป็นคนชอบพระเครื่องเช่นกัน จึงใช้เวลาอยู่ที่นั้นนับเป็นชั่วโมง และเท่าที่ดูไม่ใช่ว่าจะมีแค่พระเครื่องของเกจิอาจารย์ของสุพรรณเท่านั้น แต่ยังมีพระเครื่องของเกจิอาจารย์ทุกภาคในประเทศไทย และที่สำคัญยังกระชิบบอกอีกว่าใครที่สนใจจะแบ่งให้เช่าในราคากันเอง
     

                                                          หอดูโจรที่ตลาดเก้าห้อง
 
     เมื่อเดินสำรวจต่อไปเรื่อย ๆ ก็มาเจอหอดูโจร ซึ่งตั้งอยู่ภายในตลาดล่างของตลาดเก้าห้อง  ซึ่งเท่าที่ทราบมาเมื่อสมัยก่อนที่ตลาดแห่งนี้ยังรุ่งเรืองมีการค้าขายกันอย่างคึกคัก   จึงทำให้บรรดาพวกเสือต่าง ๆ หรือโจรผู้ร้าย ต่างมีเป้าหมายที่จะปล้นที่ตลาดแห่งนี้  จึงทำให้ชาวบ้านในละแวกตลาดต่างลงขันกันเพื่อสร้างหอดูโจรขึ้นมา  โดยทำเป็นหอรูปทรงสูงคล้ายประภาคาร เพื่อไว้สอดส่องมองดูว่าจะมีโจรเข้ามาปล้นเมื่อไหร่ และนี่จึงเป็นมรดกตกทอดมาถึงคนรุ่นหลัง ให้ได้รับรู้ถึงเรื่องราวในอดีตที่อาจลืมเลือนไปตามกาลเวลา  
   




      ในบริเวณใกล้กับหอดูโจรนั้นยังมีร้านค้าขายของกินอยู่ประมาณ 3-4 ร้าน ซึ่งพอมีนักท่องเที่ยวเดินผ่านเข้าไปแม่ค้าทุกคนต่างเรียกขานให้มาซื้อของกันเป็นแถว เพราะดูแล้วของที่วางขายยังเหลืออยู่พอประมาณ อย่างเช่นที่ร้านประเสริฐเวชภัณฑ์นอกจากขายยาแล้ว ยังเปิดหน้าร้านขายกระหรี่ป้าบ แต่คาดว่าขายไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ถัดมาจะมีอยู่ร้านหนึ่งที่โชว์รูปภาพดาราที่มาแวะมาซื้อของที่ร้านแห่งนี้ ทั้งนี้เพื่อจูงใจลูกค้าคนอื่นให้สนใจมากขึ้น ซึ่งเท่าที่ดูขนมมีขายอยู่หลายอย่างโดยเฉพาะขนมไข่ปลารูปตัว c ไม่รู้ว่าเป็นแบบไหนไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่การันตีว่าอร่อยและเคยออกรายการวันหยุดสุดขีดทางทีวีมาแล้ว รวมถึงหมี่กรอบ และอื่น ๆ ด้วย             
                                                           

                                                      ร้านราดหน้าเจ๊จุกอร่อยที่สุดในย่านนั้น

       หลังจากเดินเที่ยวชมตลาดเก่าที่หลงเหลือร้านค้าอยู่ไม่มาก  แต่ก็ทำให้ผมใช้เวลาอยู่ที่นั้นเกือบครึ่งวัน และก่อนจะเดินทางกลับได้แวะไปหาอาหารรองท้องสักหน่อย และพอสอบถามคนแถวนั้นต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องไปที่ร้านราดหน้า...เจ๊จุก เจ้าเก่าของตลาดเก้าห้องแห่งนี้ ที่เปิดขายมานานหลายสิบปีแล้ว และผู้คนแถวนั้นต่างฝากท้องไว้ที่นี่ เช่นเดียวกับคนต่างถิ่นอย่างผม ถ้าไม่ได้ไปลิ้มลองตามคำบอกเล่าคงน่าเสียดาย    
         

 
     เมื่อไปถึงที่ร้านก็ได้พบเห็นผู้คนที่มานั่งทานราดหน้าอยู่เกือบแน่นร้าน  เท่าที่ดูน่าจะเป็นคนที่หลงมาเที่ยวเช่นเดียวกับผมและระหว่างที่นั่งรออยู่นั้นได้เหลือบไปเห็นข้างฝาของร้านที่ได้ติดรูปภาพต่างๆ ของดารา นักแสดง ที่เคยมาทานราดหน้าที่นี่ ซึ่งมีรูปติดอยู่เต็มข้างฝา ไม่ว่าจะเป็น ท่านบรรหาร ศิลปอาชา , พี่แอ๊ด คาราบาว และน็อต วรฤทธิ์  รวมถึงสันติ เศวตวิมล จากเปิบพิศดาร ก็มาการันตีความอร่อยด้วยเช่นกัน แถมยังออกรายการทีวีมาแล้ว ทำให้มั่นใจว่าต้องอร่อยแน่ ๆ และใช้เวลาไม่นานก็ได้ลิ้มลองราดหน้าที่น่าตาดูหน้ากิน แล้วก็ต้องยกนิ้วให้กับความอร่อยที่ขึ้นชื่อ เพราะน้ำราดเหนียวข้นกำลังดีแทบไม่ต้องปรุงเครื่องก็รู้สึกหอมอร่อยแล้ว ที่สำคัญราคาชาวบ้านจานละ 25 บาท  

     อย่างไรก็ตามการเดินทางมาเที่ยวที่ตลาดเก้าห้องแห่งนี้  ถึงจะดูเงียบเหงาไม่มีร้านค้าขายของเหมือนแต่ก่อน และผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนในอดีต แต่จะว่าไปแล้วพอเดินเที่ยวรอบ ๆ ตลาดก็ยังมีอะไรที่น่าสนใจอยู่พอสมควร อย่างน้อยก็เห็นความเก่าแก่ของร้านค้าแถวนั้น....สุดท้ายต้องพูดอีกครั้งว่าเสียดายกับตลาดเก่าที่น่าจะอนุรักษ์เอาไว้

 

แกลเลอรี่ :

คำค้น : ตลาดบ้านเก้าห้อง สุพรรณบุรี , ตลาดเก้าห้องร้อยปี จ.สุพรรณบุรี , เที่ยวตลาดเก้าห้อง สุพรรณบุรี , เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี , สถานที่เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี , ตลาดเก่าแก่ของสุพรรณบุรี , ตลาดเก่าแก่อายุร้อยปี , รีวิวตลาดเก่าแก่เก้าห้อง สุพรรณบุรี , เที่ยวตลาดโบราณ 100ปี, ตลาดเก้าห้อง 100 ปี จังหวัดสุพรรณบุรี , แนะนำสถานที่เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี , ท่องเที่ยวตลาดเก่าแก่อายุ 100 ปีจังหวัดสุพรรบุรี , ตลาดน้ำโบราณ , รีวิวเที่ยวตลาดโบราณ